วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

สำนวนอังกฤษกินใจ

                                                          สำนวนอังกฤษกินใจ
                                 ขอขอบคุณ http://www.oknation.net/blog/my-mint/2009/04/03/entry-3



"The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes."
ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง
"You get the best out of others when you give the best of yourself."
"คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป"

"If you always do what interests you, then at least one person is pleased."
ถ้าคุณลงมือทำในสิ่งที่คุณสนใจอยู่เสมอ อย่างน้อยจะมีคนคนหนึ่งที่พอใจ
"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."

มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ สิ่งหนึ่งคือจักรวาล และอีกสิ่งคือความโง่เขลาของมนุษย์ ทว่าฉันไม่แน่ใจว่าจักรวาลจะเป็นเช่นนั้น
"Life remains the same until the pain of remaining the same
becomes greater than the pain of change."

ชีวิตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งความเจ็บปวดจากความนิ่งเฉย จะมากกว่าความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง
"The determined man finds the way, the other finds an excuse or alibi."

ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว

"The only thing in life achieved without effort is failure."
มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือความล้มเหลว
"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

"No bird soars too high if he soars with his own wings."
ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไปถ้ามันบินด้วยปีกของมันเอง
"Obstacles are those frightful things you see
when you take your eyes off your goals."

อุปสรรคคือสิ่งที่น่าตกใจก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้มองไปที่จุดหมายปลายทาง
"Advice is like snow; The softer it falls the longer it dwells upon,
and the deeper it sinks into, the mind."

คำแนะนำเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมา ยิ่งบางเบาเพียงใดก็ยิ่งแตะเพียงเปลือกนอก และยิ่งหนักหนาเท่าใดก็ยิ่งลึกถึงความรู้สึกเท่านั้น

"There is nothing either good or bad but thinking makes it so."
ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว
"Great minds discuss ideas; Average minds discuss events;
Small minds discuss people."

จิตใจที่ยิ่งใหญ่วิพากย์วิจารณ์ความคิด จิตใจสามัญวิพากวิจารณ์เหตุการณ์ แต่จิตใจที่ต่ำต้อยนั้นวิจารณ์เพียงผู้คน
"Life is a big canvas and you should throw all the paint you can on it."
ชีวิตเหมือนภาพเขียนขนาดใหญ่และคุณควรจะใช้สีทั้งหมดที่คุณมีสร้างสรรค์มันขึ้นมา

"Forgive your enemies, but never forget their names."
จงยกโทษให้แก่ศัตรูของคุณ แต่อย่าลืมชื่อของพวกเขาเป็นอันขาด

"The only man who never makes mistakes is the man who never does anything."
คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
"If you want to increase your success rate,double your failure Rate."
ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว จงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว
"Even a Step back can be fatal."
แม้แต่การก้าวถอยหลังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้

"Imagination is more important than knowledge."
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ที่มี
"The reward of a good thing well done is to have it done."
รางวัลของสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยมคือการได้สร้างมันขึ้นมา
"You see things and you say, 'Why?'!But I dream things that never were;
and I say, 'Why not?"

คุณเห็นบางสิ่งบางอย่าง คุณจะพูดว่า"ทำไม" ในขณะที่ฉันได้เห็นความฝันของฉันซึ่งไม่เคยเป็นไปได้ ฉันพูดว่า "ทำไมถึงไม่มีสิ่งนั้นล่ะ"

"Do what you can, with what you have, where you are."
ทำในสิ่งที่คุณสามารถจะทำได้ พร้อมกับสิ่งที่คุณมีและที่ที่คุณอยู่

"Freedom is nothing else but a chance to do better."
อิสรภาพ ไม่ใช่อะไรอย่างอื่นเลย หากแต่คือโอกาสที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น
"The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams."
อนาคตเป็นของคนที่เชื่อในความฝันของตัวเองเท่านั้น
"God gives every bird it's food, But He does not throw it into it's nest".
พระเจ้ามอบอาหารให้แก่นกทุกตัว แต่ไม่เคยโยนอาหารให้ถึงรังของนกเหล่านั้น
"When life is giving you a hard time, try to endure and live through it.
You must never run away from a problem.
Convince yourself that you will survive and get to the other side."

เมื่อคุณเห็นการมีชีวิตเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส ลองพยายามอดกลั้นและต่อสู้กับมัน จงอย่าวิ่งหนีต่อปัญหาใดๆที่คุณเผชิญอยู่ และเชื่อใจในตัวเองว่าสองมือของคุณสามารถทำให้คุณฝ่าฟันช่วงวิกฤตและผ่านมันไปได้
"There is Nothing so Sweet as Love's Young Dreams!"

ไม่มีสิ่งใดจะหอมหวานเท่ากับความฝันในวัยเยาว์
"First say to yourself what you would be, and then do what you have to do."
สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ
"A person who lives right, and is right, has more power in their silence
than another has by words."

บุคคลที่มีชีวิตอยู่อย่างถูกต้องและเหมาะสมแม้อยู่ในความเงียบก็มีอำนาจมากกว่าผู้อื่น
Do not judge, time will tell.
อย่าเพิ่งตัดสิน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์

Today is the best day to start something new.
วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ

If you want to be successful, follow your dream.
ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

This is life; it has ups and downs.
นี่แหละชีวิต มีขึ้นและมีลง

The world is drama; everything is acting.
โลกนี้คือละคร ทุกสิ่งทุกอย่างคือการแสดง

Life is journey; the more you travel, the more you learn and gain experience.
ชีวิตคือการเดินทาง ยิ่งเดินทางมาก ก็ยิ่งเรียนรู้และได้รับประสบการณ์มาก
Everyone has both strengths and weaknesses; you donot have to be perfect all the time.

คนทุกคนมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จึงไม่ต้องทำตัวให้สมบูรณ์แบบตลอดเวลา

If we believe that anyone can change, we must give them the opportunity to achieve a better life.
ถ้าเราเชื่อว่าคนทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องให้โอกาสกับทุกคนที่จะไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า

Do not waste your time worrying about the past and the future.
อย่าเสียเวลากังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

No failure, no success.
ไม่ล้มเหลวก็ไม่ประสบความสำเร็จ

Things do not happen. Things are made to happen. 
สรรพสิ่งไม่ปรากฎ  เพราะว่าไม่ถูกทำให้ปรากฏ

The only source of knowledge is experience.
ความรู้  มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เท่าที่ประสบการณ์จะเกิด

Don’t build a new ship with old wood 
 “อย่าสร้างเรือใหม่ด้วยไม้เก่า”



widgets

1.4.4 Adjectives ( articles -a/an )

Adjectives ( articles -a/an )
 ขอขอบคุณข้อมูล จาก  http://ict.moph.go.th

Articles เป็นคำคุณศัพท์อย่างหนึ่ง   การเรียน Articles ต้องทำความเข้าใจควบคู่ไปกับเรื่องนามนับได้ ( Countable Nouns ) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable Nouns ) ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างสับสนสำหรับผู้เรียนซึ่งที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ( Non-native speakers of English ) หรือเรียนภาษาอังกฤษ เป็นภาษาต่างประเทศ ( English as a Foreign Language )  เนื่องจากเป็นเรื่องที่มักจะตัดสินใจยากว่าอะไรเป็นนามนับได้ และอะไรเป็นนามนับไม่ได้  บางครั้งคำเดียวกันสามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง เป็นเรื่องที่มีกฎเกณฑ์มาก และขณะเดียวกัน ก็มีข้อยกเว้นมากเช่นกัน ต้องอาศัยความจำและประสบการณ์ ในการใช้ภาษา เป็นเวลานานจึงจะสามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง
หลักการใช้ article นำหน้านาม คือ
เมื่อกล่าวเป็นการทั่วไปนามนับได้เอกพจน์ จะต้องมี a หรือ an นำหน้าเสมอ
นามพหูพจน์และนามนับไม่ได้ ไม่ต้องมี article ใดๆ
เมื่อกล่าวเป็นการชี้เฉพาะจะต้องใช้ the นำหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เป็นนามนับได้หรือไม่ได้
Articles แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ
  • Indefinite Article ได้แก่   และ an ใช้นำหน้านามนับได้ ( Countable Nouns ) เอกพจน์ทั่วๆไป ( Singular )
  • Definite Article ได้แก่  the  ซึ่งใช้นำหน้าคำนามนับได้ ( Countable Nouns ) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable Nouns ) ทั้งรูปเอกพจน์ Singular ) และพหูพจน์ ( Plural ) เพื่อให้นามนั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง
การใช้ Indefinite Article : a, an
1. ใช้ a นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะและมีความหมายทั่วไปในความหมาย หนึ่ง โดยไม่ต้องการเน้นจำนวน เช่น   a woman, a dog, a dentist, a newspaper, a city , a book , a shop  เช่น
He is reading a newspaper.  เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์
2. ใช้ an นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ขึ้นต้นด้วยสระ และมีความหมายทั่วไป เช่น an orange, an umbrella, an hour, an article
It's raining.You will need an umbrella .ฝนกำลังตก คุณจะต้องมีร่มกันฝน.
หมายเหตุ
  • ถ้าคำนามนับได้ เอกพจน์ นั้นขึ้นต้นด้วยสระ   แต่ว่าออกเสียงเป็นพยัญชนะ ให้ใช้ a   เช่น a uniform, a university, a European, a eucalyptus ( ต้นยูคาลิบตัส ), a utensil, a union, a useful, a unit
  • ถ้าคำนามนับได้ เอกพจน์ นั้นมีคุณศัพท์นำหน้าขยาย   ให้ดูดังนี้
       -หากคำคุณศัพท์นั้นขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะก็ให้ใช้ a  เช่น  a sweet orange, a big umbrella
       -หากขึ้นต้นด้วย เสียงสระให้ใช้ an เช่น   an old city, an ugly woman  เป็นต้น
  • ถ้าคำนามนั้นขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็นสระ   หรือมี adjective ที่ขึ้นต้นด้วยสระมาขยายข้างหน้านามนั้นให้ใช้ an เช่น
       -ออกเสียงเป็นสระ เช่น an hour, an heir, an honor
       -มีคุณศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ เช่น an important person
3. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ เมื่อกล่าวถึงคำนามนั้นเป็นครั้งแรก เช่น
There is a shop on the corner.   มีร้านอยู่ 1 ร้านที่หัวมุม ( ใช้ a เพราะเป็นการพูดถึงครั้งแรก )
4. ใช้ a, an แทนพวก กลุ่ม หมู่เหล่า เช่น
A cow is an animal. วัวเป็นสัตว์ขนิดหนึ่ง
= Cows are animals.วัวเป็นสัตว์ 
An owl can see in the dark. นกเค้าแมวมองเห็นได้ในความมืด
5. ใช้ a, an ในการบอกอัตราต่อ 1 หน่วย ( per ) เช่น
She runs three miles a day. เธอวิ่งวันละ 10 ไมล์ ( เป็นกิจวัตร )
I go to the cinema about once month. 
ฉันไปดูภาพยนต์ประมาณเดือนละครั้ง
6. ใช้ a, an หน้าชื่อเฉพาะของผู้มีชื่อเสียงที่รู้จักทั่วไป เพราะมีคุณสมบัติ ความสามารถ หรืออุปนิสัยเหมือนผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบ
He is an Einstein. เขาเป็นคนฉลาดเหมือนไอน์สไตน์
He is a Soontorn Poo of our school.  เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่ง ( เหมือนสุนทรภู่) ของโรงเรียนเรา
     หมายเหตุ แต่ถ้าใช้ the แทน a หมายความว่าคนเช่นนั้นมีคนเดียว
He is the Soontorn Poo of our school.  เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่งของโรงเรียนเรา ( เพียงคนเดียว)
He is the Khun Phaen of our family.  เขาเป็นคนเจ้าชู้( เหมือนขุนแผน)คนเดียวในครอบครัวเรา
7. ใช้ a, an นำหน้าคำนามที่เป็นสำนวนในประโยคอุทาน เช่น
What a pity !น่าสงสารจัง
What a shame ! น่าอายจัง !
8. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่กล่าวถึงการเป็นสมาชิกของกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มอาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา
My father is a teacher.  อาชีพ
Robert is an American.  เชื้อชาติ
John is a Catholic.   ศาสนา
9. ใช้ a, an แทนจำนวน หนึ่งหน้าคำนามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการนับจำนวนหรือแสดงจำนวนมาก
a dozen of eggs.ไข่จำนวน 1 โหล
a gross of pensปากกาจำนวน 12 โหล
a lot of peopleประชาชนจำนวนมาก
a number of friendsเพื่อนจำนวนมาก
10. ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย  โครงสร้างคือ have + a+ อาการเจ็บป่วย
have a headache ( ปวดหัว )have a pain in the chest ( เจ็บหน้าอก )
have a stomachache ( ปวดท้อง )have a cold ( เป็นหวัด )
have a toothache ( ไม่มี a ก็ได้ ) ( ปวดฟัน )have a fever ( เป็นไข้ )
ยกเว้นถ้าเป็นชื่อโรค ไม่ใช้ a, an เช่น
rheumatism( โรคปวดข้อ )diabetes ( เบาหวาน )
influenza (ไข้หวัดใหญ )่cancer ( มะเร็ง )
เช่น
He had an itch in the middle of his back .เขามีอาการคันที่กลางหลัง
He had a pain in the neck.  เขามีอาการปวดคอ
She is suffering from rheumatism.  เธอกำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคปวดข้อ
11. ใช้ a,an ในสำนวนที่มีคำต่อไปนี้นำหน้าคือ    such, quite, rather, many
We didn't expect such a hot day.  เราไม่ได้คาดว่ามันจะเป็นวันที่อากาศร้อนเช่นนี้
He is quite a good boy. เขาเป็นเด็กดีทีดียว
It was rather a short trip. มันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสั้น
Many a place in Thailand impressed them. สถานที่หลายแห่งในประเทศไทยประทับใจพวกเขามาก
12. ใช้ a, an หลังโครงสร้างต่อไปนี้
so + adjective+a + นามนับได้ เอกพจน์ ( such a+ นาม ) เช่น
      We didn't expect so great a crowd.  .เราไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายอย่างนี้

too + adjective + a + นามนับได้ เอกพจน์
      This is too hard a job for him.  นี่เป็นงานหนักเกินไปสำหรับเขา

however + adjective + a + นามนับได้เอกพจน
      
However nice a girl she is, he never like her. ไม่ว่าเธอจะเป็นคนน่ารักอย่างเขาก็ไม่ชอบเธอ
as + adjective + a + นามนับได้ เอกพจน์+ as
      
She is as good a student as you are.เธอเป็นนักเรียนที่ดีเช่นเดียวกับคุณ
13. สำนวนในภาษาอังกฤษที่ใช้ a,an
all of a suddenทันใดนั้นin a hurry/rushอย่างเร่งรีบ
as a matter of factอันที่จริงแล้วin a good/bad moodอารมณ์ดี/เสีย
as a ruleตามปกติ โดยทั่วไปkeep an eye onเฝ้าดู
do a favorช่วยเหลือmake a decisionตัดสินใจ
earn a livingหาเลี้ยงชีพmake a livingหาเลี้ยงชีพ
give an ideaให้ความคิดmake a mistakeทำผิด
go for a walkเดินเล่นmake noiseทำเสียงดัง
go for rideนั่งรถเล่นmake a speechกล่าวสุนทรพจน์
have a good timeสนุกสนานmake a wishอธิษฐาน
have a hair cutตัดผมmake a fool ofทำให้ขายหน้า
it's a shameน่าขายหน้าmake a requestขอร้อง
it's a pity thatน่าเสียดาย,น่าสงสารtell a lie, tell liesโกหก
take a tripเดินทางtake look atมอง ดู
take a pictureถ่ายรูปkeep secretเก็บเป็นความลับ
take a seatนั่งin position toอยู่ในฐานะที่จะ
with a view toเพื่อจะทำให้on large scaleอย่างมาก
on an/the averageโดยเฉลี่ยmake a remarkให้ข้อสังเกต
couple ofสองสามplay a joke onล้อเล่น
การใช้ a/an และ one
ที่ผ่านมาเป็นการใช้ a/an กับนามนับได้ในความหมายของสิ่งเดียว ( singular ) บางครั้งที่เราต้องการเน้นตัวเลข สามารถใช้ one กับนามนับได้เอกพจน์ เช่น
We'll be in Australia for one ( or a ) year. เราจะอยู่ในออสเตรเลีย 1 ปี
She scored one ( or a ) hundred and eighty points.  เธอได้คะแนน 168 คะแนน
จะใช้ one เท่านั้นเมื่อ
  • ต้องการที่จะเน้นว่าสิ่งที่กล่าวถึง มี/เป็น เพียง 1 ไม่ใช่ 2,3,4...... เช่น
    Do you want one sandwich or two? คุณต้องการแซนด์วิช 1 หรือ 2 อัน
    Are you staying just one night ? คุณจะพักค้างคืนวันเดียวหรือ
  • ใช้ one ในรูปแบบ one ...other / another เช่น
    Close one eye, and then the other. ปิดตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงปิดอีกข้าง
    Bees carry pollen from one plant to another. ผึ้งนำเกสรดอกไม้จากต้นหนึ่งไปอีกต้น


widgets

1.4.3 Adjectives (การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์)

Adjectives
การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ( Comparison of Adjectives )

ขอขอบคุณข้อมูล จาก  http://ict.moph.go.th


การเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ ( Comparison of Adjectives ) เป็นการเปรียบเทียบคำคุณศัพท์ที่ไปแสดงคุณภาพของนามเพื่อจะบอกให้รู้ว่านามนั้นมีลักษณะ เท่าเทียมกันหรือไม่ อย่างไร แบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ
  • การเปรียบเทียบขั้นปกติ ( Positive Degree ) ใช้เปรียบเทียบความเท่าเทียมกัน ไม่เท่าเทียมกัน เช่น long, short, small , big , fast, slow เป็นต้น
  • การเปรียบเทียบขั้นกว่า ( Comparative Degree ) ใช้เปรียบเทียบกับนาม 2 จำนวน เช่น longer, shorter, smaller, bigger , faster, slower เป็นต้น
  • การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด ( Superlative Degree ) ใช้เปรียบเทียบกับนามที่มีจำนวนตั้งแต่ 3 ขึ้นไป เช่น longest, shortest, smallest, biggest เป็นต้น
 1. การเปรียบเทียบขั้นปกติ ( Positive Degree ) มีตัวเชื่อมหลายรูปแบบดังต่อไปนี้
  • รูปแบบ as+ คุณศัพท์ขั้นปกติ ( positive degree) + as แสดงความ เท่าเทียมกัน เช่นThis pencil is as long as that one.   ดินสอแท่งนี้ยาวเท่าๆกับแท่งนั้น
  • รูปแบบ as + much หรือ many + นาม + as แสดงความเท่าเทียมกัน เช่นI have as much money as you. ฉันมีเงินมากเท่าๆกับคุณ
    I have as many books as you. ฉันมีหนังสือมากเท่าๆกับคุณ
  • รูปแบบ the same +นาม + as แสดงความเท่าเทียมกัน เช่นMalee is the same age as มาลีมีอายุเท่ากับลัดดา
    แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ ให้ตัด as ออกได้เลย เช่น
    Malee and Ladda are the same age. มาลีและลัดดาอายุเท่ากัน
  • รูปแบบ Verb to be + like แปลว่าเหมือนกัน เป็นคำเชื่อมแสดงความเท่าเทียมกัน แต่ถ้าประธานเป็น พหูพจน์ ให้ใช้ verb to be + alike เช่นShe is like her father. เธอเหมือนกับพ่อของเธอ
    Your car and mine are alike. รถยนต์ของคุณและของฉันเหมือนกัน
  • รูปแบบ verb to be + similar to + นาม แปลว่า เหมือนกัน คล้ายกัน เป็นคำเชื่อมแสดงความเท่าเทียมกัน เช่นYour bag is similar to mine. ถุงของเธอคล้ายกับถุงของฉัน
  • กรณีต้องการเปรียบเทียบความไม่เท่ากันมีรูปแบบดังนี้not so + คุณศัพท์ขั้นปกติ + as หรือ not as + คุณศัพท์ขั้นปกติ + as เช่น
    This road is not so long as that one. ถนนเส้นนี้ไม่ยาวเท่าเส้นนั้น หรือ 
    This road is not as long as that one.

    not as + much/many + นาม + as    เช่น
    I don’t have so much money as you . ฉันไม่มีเงินมากเท่าคุณ หรือdon’t have as much money as you.
 2. การเปรียบเทียบขั้นกว่า ( Comparative Degree )
  • การเปรียบเทียบที่สูงกว่า   แสดงในรูป  คุณศัพท์ขั้นกว่า + than   เช่นThis road is longer than that one. ถนนเส้นนี้ยาวกว่าเส้นนั้น 
    You are taller than me. หรือ You are taller than I am. เธอสูงกว่าฉัน
  • การเปรียบเทียบที่ต่ำกว่ากัน แสดงในรูป less + positive degree + than  เช่นMalee is less careful than Somchai. มาลีเป็นคนที่รอบคอบน้อยกว่าสมชาย 
    It is less hot today than it was yesterday. วันนี้อากาศร้อนกว่าเมื่อวานนี้
  • เมื่อนำคุณศัพท์ขั้นกว่ามาใช้เปรียบเทียบกับคำนาม ( noun ) ด้วยกัน  ให้ใช้รูปแบบดังนี้fewer + นามพหูพจน์นับได้ + than = น้อยกว่า 
    less + นามนับไม่ได้ + than = น้อยกว่า
     
    more + นามพหูพจน์นับได้, นามนับไม่ได้ + than = มากกว่า    เช่น

    There are fewer students in this room than in that room. มีนักเรียนในห้องนี้น้อยกว่าในห้องนั้น
    I spent less money than you. ฉันใช้จ่ายเงินน้อยกว่าคุณ
    There are more students in this room than in that room. มีนักเรียนในห้องนี้ มากกว่าในห้องนั้น
    My mother have more money than my father. แม่ของฉันมีเงินมากกว่าพ่อ
หมายเหตุ   ในกรณีที่ than ทำหน้าที่เป็น conjunction    สรรพนาม ( pronoun )ที่ตามหลัง than ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธาน ต้องมี verb ตามด้วย ดังนี้
    She eats less than do.
     เธอเป็นคนกินน้อยกว่าฉัน
    than ทำหน้าที่เป็นคำเชื่อม 2 อนุประโยค ( clause) เข้าด้วยกัน  คือ
    She eats less เป็น main clause
    I do เป็น subordinate clause 
    โดย ทำหน้าที่ประธานของประโยคที่ 2 มี verb do ตาม
    than I do เป็น adverbial clause of comparison
ในกรณีที่ than ทำหน้าที่เป็น preposition    pronoun ที่ตามหลัง than ทำหน้าที่เป็น object ไม่ต้องมี verb ตามดังนี้
    She eats less than me.
    เธอเป็นคนกินน้อยกว่าฉัน
    than ทำหน้าที่เป็น preposition  ดังนั้น pronounที่ตามหลัง
    than อยู่ในรูป ของกรรม ( object ) คือ me จึงไม่ต้องมี verb ตาม
โดยทั่วไปใช้ได้และมีความหมายไม่ต่างกันทั้งสองกรณี
 3. การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด ( Superlative Degree ) รูปแบบมีดังนี้  the + คุณศัพท์ขั้นสูงสุด + นาม
What is the longest river in the world? แม่น้ำอะไรยาวที่สุดในโลก 
My eldest son is 16 years old. ลูกชายคนโตของฉันอายุ 16 ปี
Jane is my best friend. เจนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
 
     ( ถ้ามี possessive adjective อยู่หน้าคุณศัพท์ขั้นสูงสุดแล้ว ไม่ต้องใช้ the )


widgeo.net

1.4.2 Adjectives (การทำให้เป็นคำคุณศัพท์ )

                            Adjectives 
                              Formation (การทำให้เป็นคำคุณศัพท์ )
                                      ขอขอบคุณข้อมูล จาก  http://ict.moph.go.th/English/content/adj03_kind.htm



คำคุณศัพท์นอกจากเป็นด้วยตัวของมันเองแล้ว ยังสามารถนำชนิดของคำอื่นมาทำให้เป็นคำคุณศัพท์ได้ด้วย เช่น
1. คำคุณศัพท์ที่มาจากคำนามโดยการเติม Suffix ท้ายคำเช่น
คำนาม
คำคุณศัพท์
educationการศึกษาeducationalเกี่ยวกับการศึกษา
goldทองgoldenทำด้วยทอง
foolความโง่foolishอย่างโง่ๆ
careระมัดระวังcarelessไม่ระมัดระวัง
friendเพื่อนfriendlyเป็นเพื่อน
dangerอันตรายdangerousเป็นอันตราย
troubleยุ่งยากtroublesomeความยุ่งยาก
dustฝุ่นdustyเต็มไปด้วยฝุ่น
2. คำคุณศัพท์ที่มาจากคำกริยา ( Verb) โดยการเติม suffix ท้ายคำ เช่น
คำกริยา
คำคุณศัพท์
talkพูดtalkativeช่างพูด
sleepหลับsleepyง่วงนอน
differแตกต่างdifferentความแตกต่าง
acceptยอมรับacceptableเป็นที่ยอมรับได้
washซักwashableซักได้

1.4.1 Adjective (ตำแหน่งของคุณศัพท์)

Adjective 
ตำแหน่งของคุณศัพท์ ( Position )
ขอขอบคุณข้อมูล จาก  http://ict.moph.go.th



Adjective ( คุณศัพท์ ) คือคำ ( word ) วลี ( phrase ) หรือประโยค ( sentence )    ซึ่งใช้อธิบายหรือขยายคำนาม หรือสรรพนาม ให้ได้ ความชัดเจนยิ่งขึ้น กล่าวคือเป็นการบอกให้รู้ลักษณะคุณสมบัติของนามหรือสรรพนามนั้นว่าเป็นอย่างไร เช่น good, bad, new, hot, my, this  โดยทั่วไปการวางตำแหน่ง คุณศัพท์ในประโยคจะวางได้ 2 แบบ

  • ใช้วางประกอบข้างหน้านาม ( attributive use ) ที่มันขยายShe is a beautiful girl.  เธอเป็นคนสวย ( beautiful ขยายนาม girl)
    These are small envelopes. พวกนี้เป็นซองเล็กๆ  ( small ขยายนาม envelopes)
  • ใช้วางเป็นส่วนของกริยา ( predicative use ) โดยอยู่ตามหลัง verb to be เมื่อ adjective นั้นขยาย noun หรือ pronoun ที่อยู่หน้า verb to beThe girl is beautiful. เด็กผู้หญิงคนนั้นสวย 
          (
     beautiful เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be  ขยาย girl และ the เป็นคุณศัพท์ขยาย girl เช่นกัน
    These 
    envelopes are smallซองพวกนี้มีขนาดเล็ก
          (
     small เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be ขยาย envelopes ,these เป็น คุณศัพท์ขยาย envelopes เช่นกัน )
    She 
    has been sick all weekเธอป่วยมาตลอดอาทิตย 
          (
     sick เป็น คุณศัพท์ ที่ตามหลัง verb to be   ขยายสรรพนาม she )
    ( You) 
    Be careful( คุณ ) ระมัดระวังด้วย 
          
    ( careful เป็นคุณศัพท์ที่ตามหลัง verb to be ขยาย you    ซึ่งในที่นี้ละไว้เป็นที่เข้าใจ ) 
    That cat 
    is fat and  whiteแมวตัวนั้นอ้วนและมีสีขาว
         
    ( That 
    เป็นคุณศัพท์ประกอบหน้านาม   fat และ white เป็นคุณศัพทซึ่งเป็นส่วนของกริยาขยาย cat
 หลักเกณฑ์อื่นๆ
1. คุณศัพท์ที่ประกอบหน้านามไม่ได้ ต้องวางหลัง verb to be หรือ linking verb* เท่านั้นเรียกว่าเป็น predicate adjective ได้แก่
 alike เหมือน
 afraid
 กลัว
 asleep หลับ
 alone
 โดยลำพัง
 awake ตื่นอยู่
 alive
 มีชีวิตอยู่
 aware ระวัง
 ashamed
 ละอาย
 afloat ลอย
 unable
ไม่สามารถ
 content พอใจ
 worth
 มีค่า
 ill ป่วย
 well
 สบายดี
 เช่น
These two women look alike. ผู้หญิง 2 คนนี้ดูเหมือนกัน ( look เป็น linking verb, alike เป็น predicative adj.)
The boy is asleep. เด็กชายกำลังนอนหลับ ( ทำเป็น attributive adj. ได้คือ The  sleeping boy. )
The sky is aglow. ท้องฟ้าสว่างไสว ทำเป็น attributive adj. ได้คือ The  glowing sky.

linking verb หมายถึง กริยาที่ใช่เชื่อมประธาน ( Subject) กับคำอื่นให้สัมพันธ์ กันเพื่อช่วยขยายประธานของประโยค ให้ได้ใจความสมบูรณ์ที่นอกเหนือไปจาก verb to beเช่น appear, become, feel, get, grow,keep, look, go, remain, seem, smell, sound, taste, turn.
 2. คุณศัพท์ที่ใช้เป็นส่วนของกริยา ( verb to be ) ไม่ได้ เช่น
 former ก่อน latter หลัง
 inner ภายใน outer นอก
 actual ในทางปฏิบัติ neighboring ใกล้เคียง
 elder อายุมากกว่า drunken เมา
 entire ทั้งสิ้น shrunken หด
 especial โดยเฉพาะ wooden ทำด้วยไม้
 middle กลาง  
เช่น   A wooden heart. (ไม่ใช่  A heart is wooden )
 3. ถ้าคุณศัพท์นั้นทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนามที่เป็นกรรมของประโยค ต้องวางคุณศัพท์ไว้หลังกรรมนั้นเพื่อให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
We considered his report  unsatisfactory.  เราพิจารณาเห็นว่ารายงานของเขาไม่เป็นที่น่าพอใจ
      (unsatisfactory 
เป็นคุณศัพท์ขยาย his report  ซึ่งเป็นกรรมของประโยค )
 4. เมื่อใช้กับข้อความแสดงการวัด ( measurement) วางคุณศัพท์ไว้หลังนาม หรือสรรพนาม เช่น
My uncle is sixty years old.  ลุงของฉันอายุ 60 ปี    (ไม่ใช่ My uncle is old sixty years.)
This road is fifty feet wide. ถนนนี้กว้าง 50 ฟุต    (ไม่ใช่ This road is wide fifty feet.)
 5. เมื่อคุณศัพท์หลายคำประกอบนามหรือสรรพนามเดียว จะวางข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้   โดยจะต้องมี and  มาคั่นหน้าคุณศัพท์ตัวสุดท้าย เช่น
The building, old and unpainted, was finally demolished.   ตึกซึ่งเก่าและสีทรุดโทรม
    ในที่สุดก็ถูกทุบทิ้ง ( วางข้างหลัง ) หรือThe old and unpainted building was finally demolished. ( วางข้างหน้า )
 He bought a new, powerful and expensive car . เขาซื้อรถใหม่ที่กำลังแรงสูงและราคาแพง หรือ 
 He bought a carnew, powerful and expensive.  
 6. คุณศัพท์วางตามหลังคำสรรพนาม ( pronoun ) ที่มันขยาย ต่อไปนี้        
 someone anyone no one everyone
 somebody anybody nobody everything
 something anything nothing everybody
เช่น
She wanted to marry someone rich and smart.  เธอต้องการแต่งงานกับใครสักคนซึ่งหล่อและรวย
I'll tell you something important. ฉันจะเล่าบางอย่างที่สำคัญให้คุณฟัง
 7. วาง คุณศัพท์ไว้หลังนามหรือสรรพนามถ้าคุณศัพท์นั้นมีข้อความ ( prepositional phrase ) ประกอบอยู่      เช่น
Thailand is a country famous for its food and  fruits.  ไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารและผลไม้
      (famous เป็นคุณศัพท์    famous for food and fruits เป็นข้อความขยายคำนาม country)
She is the woman suitable for the position. เธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับตำแหน่ง
 
      (suitable
 เป็นคุณศัพท์  suitable for the position.  เป็นข้อความขยาย  woman )
 8. คุณศัพท์บางคำมีความหมายต่างกัน ถ้าวางในตำแหน่งที่ต่างกัน เช่น
He is and old friend.  เขาเป็นเพื่อนเก่า
My friend is old.  เพื่อนของฉันสูงอายุ
The teacher was present.  ครูมาอยู่ที่นั้นด้วย
The present teacher.  ครูคนปัจจุบัน
Harry was late.  แฮรีมาสาย
The late Harry.  แฮรี่ผู้เสียชีวิตไปแล้ว
 9. กลุ่มของคำที่เป็นวลี ( phrase) หรืออนุประโยค ( clause ) เมื่อขยายคำนาม ต้องวางหลังนามหรือสรรพนามที่มันประกอบ เช่น
The woman sitting in the chair is my mother .  ผู้หญิงที่นั่งที่เก้าอี้เป็นแม่ของฉัน 
      ( sitting in the chair
  เป็นวลี ขยายคำนาม  the woman)
The man who came to see me this morning is my uncle.     ผู้ชายที่มาหาฉันเมื่อเช้านี้คือลุงของฉัน 
     ( who came to see me this morning
  เป็นอนุประโยคขยายคำนาม the man )
หมายเหตุ    ถ้านามใดมีทั้งวลี และ อนุประโยค มาขยายพร้อมกัน ให้เรียงวลีไว้หน้าอนุประโยคเสมอ เช่น
I like the picture on the wall which was  painted by my friend.     ฉันชอบรูปภาพที่แขวนบนข้างซึ่งวาดโดยเพื่อนของฉัน
      ( on the wall เป็นวลีขยาย the picture) ( which was painted by my friend เป็นอนุประโยคขยาย the picture ) 

There is only one solution possible.   (possible วางหลังคำนาม solution ) There are some tickets available.   ( available วางหลังคำนาม tickets)
 10. คุณศัพท์ที่เป็นสมญานามไปขยายคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ให้วางหลังคำนามนั้นเสมอ เช่น
 Alexander the GreatWilliam the Conqueror
 11.โดยปกติคุณศัพท์จะต้องวางหลัง article ที่เป็น a หรือ an เช่น a good man   ยกเว้นคุณศัพท์ต่อไปนี้   เมื่อนำไปขยายคำนามที่เป็นเอกพจน์และนับได้ ให้วางคุณศัพท์นั้นไว้หน้า a หรือ an ได้แก่half, such, quite,  rather และ many เช่น
John is such a good man. ( a good man เป็นนามเอกพจน์ )This is rather a valuable picture ( a valuable picture เป็นนามเอกพจน์ )
 12. เมื่อ adjective หลายคำประกอบคำนามเดียว ควรวางลำดับก่อนหลังดังนี้
Article
Demonstrative
Possessive
Indefinite
Adjective
บอกจำนวนนับ
คำอธิบายลักษณะ
นามรองทำหน้าที่คุณศัพท์
 
นามหลัก
 
คุณภาพ
ลักษณะ
รูปร่าง
ขนาด
อายุ
สี
สัญชาติ
แหล่งกำเนิด
วัสดุ
A
 
beautiful
 
old
 
Italian
 
touring
car.
An
 
expensive
 
antique
 
 
silver
 
mirror.
The
four
gorgeous
long-stemmed
 
red
 
 
 
roses.
Her
 
short
 
 
black
 
 
 
hair.
Our
two
 
big
old
 
English
 
  
sheep-
dogs.
 
Some
delicious
 
 
 
Thai
 
 
food.
Many
 
modern
small
 
 
 
brick
 
houses.

1.4 Adjectives ( คำคุณศัพท์ )

Adjectives ( คำคุณศัพท์ ) 
Types (ชนิดของคุณศัพท์)

ขอขอบคุณข้อมูล จาก  http://ict.moph.go.th/English/content/adj03_kind.htm


โดยทั่วไปแบ่งออกได้ 8 ชนิดคือ
1. Proper adjective5. Demonstrative adjective
2. Descriptive adjective6. Distributive adjective
3. Quantitative adjective7. Possessive adjective
4. Numeral adjective8. Interrogative adjective
 1. Proper adjective ( คุณศัพท์แสดงสัญชาติ )
เป็นคำคุณศัพท์ที่ขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ มีรูปเปลี่ยนแปลงมาจาก Proper noun และต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอ เช่น
Proper noun
Proper Adjective
China =ประเทศจีนChinese =แห่งประเทศจีน,ชาวจีน
France =ประเทศฝรั่งเศสFrench =แห่งประเทศฝรั่งเศส, ชาวฝรั่งเศส
Italy =ประเทศอิตาลีItalian =แห่งประเทศอิตาลี,ชาวอิตาลี
เช่นประโยค
We learn the French literature every Monday. เราเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสทุกวันจันทร์
I like Chinese food. ฉันชอบอาหารจีน
Proper adjective จะมีวิธีการเขียนไม่เหมือนกันดังนี้
1.1 Proper adjective ที่ลงท้ายด้วย - ese เช่น
Proper
noun
proper
adjective
proper
noun
proper
adjective
BurmaBurmeseLebanonLebanese
BhutanBhutaneseNepalNepalese
ChinaChinesePortugalPortuguese
CongoCongoleseTaiwanTaiwanese
JapanJapaneseVietnamVietnamese
1.2 Proper adjective ที่ลงท้ายด้วย -an
Proper
noun
proper
adjective
proper
noun
proper
adjective
AlgeriaAlgerianLibyaLibyan
AngolaAngolanMalaysiaMalaysian
ArgentinaArgentinean หรือArgentinianMexicoMexican
AustraliaAustralianMoroccoMoroccan
BelgiumBelgianMozambiqueMozambican
BrazilBrazilianNicaraguaNicaraguan
CanadaCanadianNigerNigerian
CubaCubanNorwayNorwegian
EgyptEgyptianPanamaPanamanian
FijiFijianParaguayParaguayan
GermanyGermanPeruPeruvian
GhanaGhanaianRhodesiaRhodesian
HaitiHaitianRomaniaRomanian
HondurasHonduranRussiaRussian
IndonesiaIndonesianSingaporeSingaporean
IranIranianSyriaSyrian
ItalyItalianTahitiTahitian
JordanJordanianTibetTibetan
LaosLaotianZaireZairean,Zairian
1.3 คำ Proper adjective ที่ลงท้ายด้วย – i
Proper nounproper adjectiveproper nounproper adjective
BahrainBahrainiOmanOmani
IraqIraqiPakistanPakistani
IsraelIsraeliYemenYemeni
KuwaitKuwaiti  
1.4 คำพิเศษ
Proper
noun
proper
adjective
proper
noun
proper
adjective
ThailandThaiMalayaMalay
GreeceGreekSri LankaCeylonese
AfghanistanAfghan  
1.5 ประเทศซึ่งคำคุณศัพท์ กับคำที่เรียกคนของประเทศนั้นไม่เหมือนกัน
Proper Noun
Proper adjective
person
BotswanaSetswana (ภาษา)Motswana ( เอกพจน์)
Batswana( พหูพจน์)
CyprusCyprianCypriot
CzechoslovakiaCzechCzechoslovakian
DenmarkDanishDane
FinlandFinnishFinn
Holland ( The Netherlands)DutchHollander
IcelandIcelandicIcelander
IrelandIrishIrishman
LuxemburgLuxemburgLuxemburger
MongoliaMongolianMongol
New ZealandNew ZealandNew Zealander
The PhilippinesPhilippineFilipina ( หญิง )
Filipino ( ชาย )
PolandPolishPole
SomaliaSomalianSomali
SpainSpanishSpaniard
SwedenSwedishSwede
TurkeyTurkishTurk
YugoslaviaYugoslavianYugoslav
 2. Descriptive Adjective ( คุณศัพท์แสดงคุณสมบัติ )
เป็นคำคุณศัพท์บอกลักษณะ คือจะไปขยายนามเพื่อบอกให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะ คุณสมบัติ หรือความพิเศษอย่างไร เป็นชนิดที่ใช้มากที่สุด เช่น
largefatbighuge
heavylightthinsmall
cheapexpensivebravecoward
whitedarktallhandsome
ตัวอย่าง เช่น    a dark, tall and handsome man,  an expensive car
 3. Quantitative Adjective ( คุณศัพท์แสดงปริมาณที่นับไม่ได้ )
เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ คือไปขยายนามที่นับไม่ได้ (uncountable noun ) เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งนั้น ว่ามีมากหรือน้อย แต่ไม่บอก จำนวนแน่นอน เช่น
muchanyhalfenoughlittle
allwholesomegreatsufficient
ตัวอย่างเช่น
We needed some money. เราต้องการเงินจำนวนหนึ่ง
He showed great patience. เขาแสดงให้เห็นว่ามีความอดทนสูง
 4. Numeral Adjective
เป็นคำคุณศัพท์ที่บอกจำนวนมากน้อยของนามที่นับได้ ( countable noun )หรือบอกลำดับก่อนหลัง ( order ) ของคำนาม แบ่งเป็น 2 พวก
1. บอกจำนวนที่แน่นอน ( Definite Numeral ) อาจจะแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด
(1) บอกจำนวนนับ ( Cardinal)  one, two, three, four ………..
(2) บอกลำดับที่ ( Ordinal )  first, second, third…………….
(3) บอกจำนวนเท่า ( Multiplicative )   single, double, triple……………
2. บอกจำนวนที่ไม่แน่นอน ( Indefinite Numeral ) เช่น
manynofewsome
severalanyallenough
 5. Demonstrative Adjective
เป็นคำคุณศัพท์ชี้เฉพาะคำนาม ซึ่งระบุเจาะจงไปโดยชัดแจ้งว่าเป็นคำนามอันไหน สิ่งไหน หรือคนใด แบ่งเป็น 2 ชนิด
1. Definite Demonstrative ชี้เฉพาะโดยชัดแจ้ง ได้แก่
thethisthesethat
thosesuchthe samethe other
2. Indefinite Demonstrative ชี้ให้เห็นอย่างกว้าง ได้แก่
aonesuchany other
ana certainsomeother
anycertainanother 
 6. Distributive Adjective
เป็นคำคุณศัพท์ซึ่งไปขยายคำนามเพื่อแยกคำนามนั้นๆออกจากกัน เช่น
eachแต่ละ ใช้สำหรับ 2 สิ่งหรือมากกว่าขึ้นไป
everyทุกๆ ใช้เฉพาะนามที่มากกว่า 2 สิ่งขึ้นไป
eitherอันใดอันหนึ่งใน 2 สิ่ง
neitherไม่ใช่ทั้ง 2 สิ่ง
 7. Possessive Adjective
เป็นคำคุณศัพท์ประกอบหน้านามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น  my , your, his , her, its, their our
 8. Interrogative Adjective
เป็นคำคุณศัพท์ขยายคำนามเพื่อแสดงคำถาม เช่น   what   which   whose
หมายเหตุ คำคุณศัพท์เหล่านี้จะต้องมีคำนามตามหลังเพราะหากไม่มีคำนามตามหลัง จะกลายเป็นสรรพนาม ( pronoun ) ไม่ใช่คุณศัพท์ เช่น
Pronoun
Adjective
What did you see ?
What book did you read?

free counters

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More